SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือ การเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์เพื่อให้เครื่องมือค้นหา หรือ Search Engine อย่างเช่น Google, Bing, Yahoo! บันทึกข้อมูลของเว็บไซต์และจัดอันดับด้วยคำค้นหาหลักๆ ที่เราต้องการให้อยู่ในหน้าค้นหาแรกๆ ซึ่งก็คือ การทำเว็บไซต์ และพัฒนา ปรับปรุงเว็บไซต์ด้วยวิธีการหรือเทคนิคต่างๆ โดยมีเป้าหมายก็คือ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีที่สุดหรืออันดับต้นๆ ของเว็บ Search Engine เมื่อคนที่ใช้บริการเว็บ Search Engine ค้นหาด้วยคำสำคัญหรือที่เรียกทับศัพท์ว่า คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่ต้องการแล้ว โดยเน้นให้ผลของคำค้นหาปรากฏอยู่ในส่วนของ Natural Search Result (Organic Search Result) หรือในส่วนของผลลัพธ์ทางด้านซ้ายมือของเว็บ Search Engine นั่นเองครับ
สำหรับการทำงานของ SEO นั้นจะเริ่มจากเวลาที่คนเข้ามาค้นหาในเว็บ Search Engine เช่นที่ Google, Yahoo หรือ Bing ด้วยคำสำคัญหรือ Keyword ที่ต้องการค้นหาแล้วจะปรากฏลิงค์ของเว็บไซต์ของเราอยู่ในหน้าแรกหรืออันดับต้นๆ ในหน้าผลการค้นหา ซึ่งจะมีโอกาสสูงที่ผู้ค้นหาจะคลิกตามลิงค์ในหน้าค้นหานั้นๆ เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของเราตามวัตถุประสงค์ในการทำเว็บไซต์ของเราต่อไป หลักวิธีการทำ SEO โดยทั่วไปนั้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ซึ่งก็คือ On-page (การทำส่วนที่อยู่บนเว็บไซต์) เช่น การปรับปรุง-เพิ่มคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ในหน้าเว็บไซต์ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีขนาดเล็ก การใช้ meta tag เป็นต้น และ Off-page (การทำส่วนที่ไม่ได้อยู่บนเว็บไซต์) เช่น การหาเว็บไซต์ที่สามารถเชื่อมโยงหรือลิงค์เข้ามาสู่เว็บไซต์ที่ต้องการทำ SEO (พูดง่ายๆ ก็คือลิงค์มายังเว็บไซต์ของเรานั่นเอง) และวิธีอื่นๆ ควบคู่กันไป เป็นต้น ซึ่งจะกล่าวโดยละเอียดในหัวข้อต่อๆ ไป
เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ SEO นั้นก็เหมือนช่องทางหนึ่งในการทำการตลาดผ่านเว็บ Search Engine ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ การทำความเข้าใจว่าอัลกอริทึมของ Search Engine นั้นทำงานอย่างไร และคำๆ ไหนที่ผู้ค้นหามีความต้องการที่จะค้นหามากที่สุด ดีที่สุด โดยเราอาจนำมาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อจัดทำข้อมูลเนื้อหาและให้ Search Engine มีโอกาสในการจัดอันดับให้กับเว็บไซต์ของเราได้มากที่สุด ทั้งนี้อัลกอริทึมของเว็บ Search Engine แต่ละเจ้าก็จะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่เป้าหมายหลักที่ทุกเจ้ามีเหมือนกันก็คือ การแสดงผลการค้นหาให้ตรงกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการมากที่สุด เพื่อความมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพของเครื่องมือช่วยค้นหา ดังนั้น เว็บ Search Engine แต่ละเจ้าก็จะต้องมีการพัฒนาระบบอัลกอริทึมอยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้ทำการค้นหาให้ได้อย่างดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ การติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอลิทึมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกของเรา
ส่วนประกอบสำคัญของการทำ SEO มีอะไรบ้าง
ส่วนประกอบสำคัญของการทำ SEO (Search Engine Optimization) แบ่งได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วในช่วงต้นเรื่องนั่นก็คือ
1. On-page
On-page คือรูปแบบของการปรับแต่งส่วนประกอบต่างๆ ภายในเว็บไซด์ที่มีผลต่อการทำ SEO และช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์หรือบล็อกสามารถแข่งขันด้วยคำค้นหาหลักๆ ของตนเองได้ โดยการทำ On-page ก็คือ การเขียน การบรรยาย องค์ประกอบต่างๆภายในเว็บ ให้ถูกหลัก SEO โดยบรรยายอย่างมีหลักการ แทรกคำสำคัญไว้ในองค์ประกอบทุกๆ ส่วน องค์ประกอบที่ว่าดังกล่าวนั้นก็คือ
- Domain name ของเว็บไซต์
- Title “หัวเรื่อง” ของหน้าเพจ หรือ หน้าโพส จะต้องมีส่วนประกอบสำคัญของคำค้นหาหลัก
- Meta Description “คำอธิบาย” ของหน้าเพจ หรือ โพส จะต้องมีคำค้นหาหลักที่ต้องการแทรกอยู่ด้วย
- Meta Keywords “คำค้นหาหลักของเพจ หรือโพส”
- การใช้ Heading Tag ภายในเพจ หรือ โพส เพื่อทำหน้าที่เหมือนกับเป็นหัวเรื่องให้คนอ่านในหน้าเว็บได้เข้าใจ และสามารถแยกแยะหัวข้อเรื่องในแต่ละส่วนได้อย่างถูกต้องตามความต้องการนำเสนอของเว็บไซต์
- Content หรือเนื้อหาในเว็บไซต์ ต้องเขียนนำเสนออย่างมีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้เยี่ยมชม หรืออีกนัยหนึ่งก็คือผู้อ่านนั่นเอง โดยจะต้องแทรกคำค้นหาหลัก (Keyword) เข้าไปในเนื้อหาอย่างแยบยล กลมกลืนและไม่ส่งผลเสียต่อความเข้าใจของผู้อ่าน
- Alt tag ของรูปภาพ เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่ารูปภาพนั้นๆ คือรูปเกี่ยวกับอะไร และมีผลต่อเนื้อหาที่นำเสนอหรือไม่ ในส่วนนี้จะส่งผลดีเป็นอย่างมากต่อการจัดอันดับของ Search Engine
- Internal Link หรือลิงค์ภายในเว็บไซต์ ที่เชื่อมโยงเพจต่างๆ ภายในเว็บไซต์อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ในการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้เยี่ยมชม ซึ่งสามารถส่งผลให้ผู้อ่านมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น และสามารถสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างต่อเนื่อง
- ความเร็วในการโหลดเว็บเพจ ต้องมีการจัดการไฟล์ต่างๆอย่างเหมาะสม เพื่อทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพ และสามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว (โดยปกติแล้วไม่ควรเกิน 30 วินาที)
2. Off-page
Off-Page คือส่วนประกอบสำคัญของการทำ SEO โดยอาศัยปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ โดยปัจจัยภายนอกนี้ก็คือ Links หรือเราอาจเรียกอย่างเป็นทางการว่า Inbound Link หรือ Back Link ก็ได้ ทั้งนี้การทำ Off-Page นั้นก็เพื่อเป็นสะพาน Bots นั่นเองเพื่อให้ Search Engine สามารถประมวลผลและวิเคราะห์เพื่อจัดอันดับให้กับเว็บไซต์ หรือบล็อกตามคำค้นหาหลักๆ ของเราได้ เช่นการ Submit Directory, การแลกลิงค์ การ Comment Blog ต่างๆ การทำ Link Wheels และรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะต้องมีปัจจัยสำคัญหลักๆ 3 ประการดังต่อไปนี้คือ
- ลิงค์ที่ได้จะต้องมีความเกี่ยวเนื่องกันทางเนื้อหา หรือข้อมูล เช่น เว็บเรานำเสนอข้อมูลด้านการตลาด ก็ควรจะได้ลิงค์จากเว็บที่นำเสนอเนื้อหาคล้ายๆ กันนี้จะดีที่สุด
- Anchor Text Link การได้ลิงค์ที่เป็น Anchor Text จะดีที่สุด เนื่องจากสามารถส่งผลดีต่อการค้นหา ตามคำค้นหาหลักที่เราต้องการ ซึ่งอาจเป็นคำค้นหาที่ไกล้เคียงกัน หรือ เป็น Related Keyword ที่เกี่ยวเนื่องกันก็ได้
- PR การได้ Back Link จากเว็บที่มี PR (Page Rank) ที่ดีๆ ย่อมส่งผลต่อ SEO ดีที่สุด เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของการทำ SEO ฉนั้นหากสามารถได้ลิงค์จากเว็บที่มีค่า PR สูงๆ ย่อมส่งผลดีในระยะยาว ข้อสำคัญควรเป็นลิงค์ที่เป็น Anchor Text จะดีที่สุดเพราะถือได้ว่าเป็นลิงค์คุณภาพสูง
อย่างไรก็ตามการทำ Off-Page นั้นโดยหลักๆ แล้วก็คือการสร้างลิงค์ต่างๆ ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ หรือบล็อกของเรานั่นเอง เพื่อให้เว็บไซต์ของเรานั้นสามารถแข่งขันในคำค้นหาหลักๆ ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในปัจจุบันการทำ Off-Page จะต้องมีส่วนประกอบสำคัญอย่างเช่น Social Network เป็นส่วนเชื่อมโยงจึงจะถือได้ว่าเป็นการสร้างเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ และมีโอกาสในการทำอันดับในคำค้นหาหลักๆ ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
ข้อที่ควรหลีกเลี่ยงในการทำ Off-page ก็คือ การสแปมลิงค์ต่างๆ จากเว็บภายนอก เข้ามาเว็บของเรา หลายๆ ลิงค์พร้อมกัน โดยที่เว็บไซต์เหล่านั้นอาจจะไม่ได้มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์จากการทำลิงค์ระหว่างเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้ Google มีบทลงโทษแก่เว็บไซต์ของเราได้ ซึ่งบทลงโทษที่ได้รับส่วนใหญ่แล้วมักจะทำให้เว็บเราหมดโอกาสในการแข่งขันไปเลยและอาจไม่ได้รับบันทึกข้อมูลลงฐานข้อมูลของ Google หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า Index ข้อมูลนั่นเองครับ
ความสำคัญของการทำ SEARCH ENGINE OPTIMIZATION (SEO)
หลังจากที่คุณได้รู้จักความหมายของ SEO และส่วนประกอบสำคัญของการทำ SEO ไปแล้วบางส่วนว่าคืออะไร มีการทำงานอย่างไรบ้าง หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าการทำ SEO นั้น มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน อย่างไร คุ้มค่าที่จะลงทุนลงแรงทำหรือไม่ เรามาดูเหตุผล 7 ประการที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า SEO มีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ ดังต่อไปนี้
- การสร้างลูกค้าด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูก
การทำ SEO แทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดในการที่จะทำให้ Search Engine มาอินเด็กซ์เว็บไซต์ของเรา (เสียค่าทำ SEO เพียงเล็กน้อย) และถ้าหากเว็บไซต์ของเราทำ SEO อย่างถูกต้องแล้วก็ยิ่งจะทำให้เราได้รับผู้เยี่ยมชมที่สามารถกลายเป็นลูกค้าของเราได้อย่างง่ายดายโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลยจากการเยี่ยมชมของลูกค้าหรือผู้สนใจในสินค้าและบริการต่างๆ เหล่านั้น ในขณะที่คนอื่นคู่แข่งรายอื่นอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากต่อเดือนเพื่อลงโฆษณาในที่ต่างๆ หรือใน Search Engine ที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า Pay Per Click (PPC) ที่ต้องจ่ายค่าคลิกทุกครั้งเมื่อมีผู้เยี่ยมชมคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ - ค่าใช้จ่ายที่คงที่
ค่าใช้จ่ายในการทำ Search Engine Optimization (SEO) จะมีลักษณะค่อนข้างคงที่ โดยการทำ SEO ในช่วงแรกนั้นอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในการเตรียมความพร้อมพื้นฐานต่างๆ แต่พอผ่านช่วงแรกไปแล้ว หลังจากนั้นในขั้นตอนของการรักษาอันดับ ค่าใช้จ่ายก็จะลดลง แต่ในทางตรงกันข้าม การลงโฆษณาแบบ Paid-Search จะค่อนข้างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ซึ่งก็จะมีการแข่งขันมากขึ้นในทุกๆ เดือนและทุกๆ ปี - ช่วยสร้าง Brand Awareness
ถ้าหากคุณลองค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดคำว่า “อาหารเสริม” ร้านขายอาหารเสริมประเภทต่างๆ มากมายก็จะปรากฏขึ้นมาภายในหน้าแรกของ Google โดยยิ่งถ้าเป็นเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่ในอันดับแรกๆ ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งมีโอกาสสูงมากที่ผู้ค้นหาจะเห็นลิงค์ของเว็บไซต์และคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์นั้นๆ ส่วนบริษัทไหนที่ไม่ได้อยู่ภายในหน้าแรกนั้น หากต้องการที่จะอยู่ในหน้าแรกของ Google ก็ต้องซื้อโฆษณาในรูปแบบ Pay Per Click ซึ่งค่อนข้างที่จะมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากเป็นคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงค่าคลิกก็จะแพงตามไปด้วย เนื่องจากผู้ที่ลงโฆษณาดังกล่าวต่างก็อยากให้เว็บไซต์ของตนเองได้รับการแสดงผลออกมา - ช่วยสร้างลูกค้าใหม่ๆ
การค้นหานั้นเกิดจากความต้องการของผู้เยี่ยมชม ด้วยเหตุนี้ผู้เยี่ยมชมที่มาจาก Search Engine ส่วนมากจะมีความสนใจในสินค้าหรือบริการเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และถ้าหากเว็บไซต์ของเราแสดงสินค้า บริการ เนื้อหา หรือข้อมูลที่สมบูรณ์ครบถ้วนตามที่พวกเขาต้องการ ก็จะเปลี่ยนเขาเหล่านั้นมาเป็นลูกค้าประจำคนใหม่ของคุณได้อย่างไม่ยากเย็นเช่นกัน - ช่วยทำให้เกิดลูกค้าประจำ
ลูกค้าส่วนใหญ่มักค้นหาสินค้าหรือบริการผ่านทาง Search Engine และโดยส่วนใหญ่แล้วจะค่อนข้างใช้บริการเว็บไซต์ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าลูกค้าที่มาจากแหล่งอื่นๆ เพราะเป็นผู้ที่มีความตั้งใจในการใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาสิ่งต่างๆ ผ่าน Search Engine อยู่แล้ว ซึ่งนั้นก็หมายถึงเราสามารถที่จะเพิ่มจำนวนลูกค้าประจำบนเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีที่สิ้นสุด - ช่วยสร้างมาตราฐานและสามารถเข้าถึงได้ง่าย
การจะสร้างเว็บไซต์ให้สามารถแข่งขันในผลการค้นหาได้ หรือเป็นที่ชื่นชอบต่อ Search Engine นั้นต้องอาศัยการจัดการที่ถูกต้อง ตามมาตรฐานที่อัลกอลิทึมได้กำหนดไว้ อาทิ ข้อผิดพลาดของโค้ด การจัดการโครงสร้างของเว็บไซต์ ไฟล์ต่างๆ ถูกจัดเก็บบนเซิฟเวอร์อย่างถูกหลักหรือไม่ เป็นต้น เพราะฉะนั้นการตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดหรือรายละเอียดด้านเทคนิคต่างๆนั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำ SEO โดยประโยชน์ที่จะตามมาก็คือ จะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นมาตราฐานมากขึ้นและสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย - ช่วยสร้างเนื้อหาภายในเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ
ในปัจจุบันเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าคุณภาพของเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยไม่มีการลอกมาจากแหล่งอื่น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำ Search Engine Optimization (SEO) เนื้อหาที่ดีจะสามารถลิงค์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพมายังหน้าเพจของเนื้อหา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อคะแนนของเว็บไซต์เช่นกัน โดยเหตุผลนี้จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมคุณภาพของเนื้อหาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วไป
การทำ Search Engine Optimization (SEO) นั้นยังมีรูปแบบและวิธีการต่างๆ มากมายซึ่งผมเองคงไม่สามารถนำเอามาเสนอได้ในครั้งเดียวนี้ ฉนั้นท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถติดตาม หรือค้นหาข้อมูลบางส่วนภายในเว็บไซต์ของเราได้ครับ เพราะผมเองเคยนำเสนอไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่อาจไม่ได้ทำการรวบรวมให้เป็นเรื่องใหญ่ ๆ อย่างเช่นการนำเสนอในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามข้อมูลบางส่วนอาจมีข้อผิดพลาด หรือมีความไม่ถูกต้องได้ ฉนั้นหากท่านมีความรู้ในเรื่องนี้ขอความกรุณาแชร์ข้อมูลเข้ามาครับเพื่อที่จะได้ทำการปรับปรุงเพื่อเป็นเนื้อหาที่ดีต่อผู้อ่านท่านอื่นๆ ต่อไป ขอบคุณที่อ่านบทความนี้จนจบ และหวังอย่างยิ่งว่าจะทำให้ผู้อ่านทุกท่านได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับการนำเสนอในครั้งนี้
ที่มา : http://www.makemany.com/what-is-seo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น